เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [1. ปาฎิกสูตร]
เรื่องนักบวชเปลือยชื่อกฬารมัชฌกะ

ภัคควะ ต่อมาไม่นาน นักบวชเปลือยกฬารมัชฌกะ ก็กลับนุ่งห่มผ้า มีภรรยา
กินข้าวและขนมกุมมาส ล่วงเกินเจดีย์ที่มีอยู่ในกรุงเวสาลีทั้งหมด กลายเป็นคน
เสื่อมยศแล้วตายไป
[14] ภัคควะ สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ได้ฟังข่าวว่า ‘นักบวชเปลือยกฬาร-
มัชฌกะ กลับนุ่งห่มผ้า มีภรรยา กินข้าวและขนมกุมมาส ล่วงเกินเจดีย์ที่มีอยู่ใน
กรุงเวสาลีทั้งหมด เสื่อมจากยศแล้วตายไป’ จึงเข้าไปหาเราถึงที่อยู่ ไหว้เราแล้ว
นั่ง ณ ที่สมควร เราจึงกล่าวกับสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ว่า ‘สุนักขัตตะ เธอเข้าใจ
เรื่องนั้นว่าอย่างไร เราปรารภนักบวชเปลือยกฬารมัชฌกะแล้วพยากรณ์แก่เธอไว้
อย่างไร ผลของการพยากรณ์เป็นอย่างนั้นหรือ หรือว่าเป็นอย่างอื่น’
สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ตอบว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรง
ปรารภนักบวชเปลือยกฬารมัชฌกะ แล้วพยากรณ์แก่ข้าพระองค์ไว้อย่างไร ผลของ
การพยากรณ์เป็นอย่างนั้น มิได้เป็นอย่างอื่นเลย’
‘สุนักขัตตะ เธอเข้าใจเรื่องนั้นว่าอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนั้น เราได้แสดง
อิทธิปาฏิหาริย์อันเหนือธรรมดาของมนุษย์แล้ว หรือยังไม่ได้แสดง’
‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์อันเหนือ
ธรรมดาของมนุษย์แล้วแน่นอน มิใช่ไม่ได้ทรงแสดง’
‘โมฆบุรุษ ถึงอย่างนี้ เธอยังจะกล่าวกับเราผู้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์อันเหนือ
ธรรมดาของมนุษย์ว่า ‘พระผู้มีพระภาคไม่ได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์อันเหนือ
ธรรมดาของมนุษย์แก่ข้าพระองค์’ อยู่อีกหรือ เธอจงดูเถิดว่า ‘การพูดเช่นนี้เป็น
ความผิดของเธอมากเพียงไร’ ภัคควะ สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร เมื่อถูกเราว่ากล่าวอย่างนี้
ได้หนีไปจากธรรมวินัยนี้แล้ว เหมือนผู้ควรเกิดในอบายกลับไปตกนรก ฉะนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 11 หน้า :12 }